วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557

อาชีพเสริมดี-ดี มันอยู่ตรงไหน



ไม่ว่าคุณจะมองไปทางไหนก็ดูเหมือนจะไม่เข้าที จะขายอะไรดีถึงจะเข้าท่า อาชีพเสริมดี-ดี มันอยู่ตรงไหน พยายามค้นหา ทั้งคิดเองทั้งเรียนแบบความสำเร็จ ไอดอลต่างๆมากมาย แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเสียที แล้วเราจะเริ่มจากตรงไหนดี?

อย่าเสียเวลาค้นหาว่าคุณขาดอะไร แต่ให้ค้นหาว่าคุณมีอะไร
ผมเคยคุยกับลูกค้าท่านหนึ่ง เขาอยากเป็นนายตัวเองมาก เขาถามผมว่าเขาอยากจะเปิดร้ายขายลูกชิ้น เขาจะทำสำเร็จหรือไม่ แน่นอนครับ ไพ่บอกว่าเขาจะล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า หลังจากนั้นเขาจึงถามเกี่ยวกับไอเดียการทำธุรกิจอีกมากมาย และไพ่ก็มักจะจบลงด้วยการบอกว่าไม่ ไม่ ไม่ ไม่ สุดท้ายผมหมดความอดทน จึงถามเธอว่าเธอทำงานอะไร ซึ่งเธอบอกมาว่าเธอทำงานเกี่ยวกับ Shipping นำเข้าส่งออก ผมเลยเล่าเรื่องลูกค้าที่ประสบความสำเร็จจากการเป็นนายตัวเองหลายคนให้เธอฟัง พร้อมกับลองจับไพ่ให้เธอว่าถ้าเธอทำนำเข้าส่งออกเป็นของตัวเองจะเป็นอย่างไร สุดท้ายไพ่บอกว่านี่คือไพ่ตายที่จะทำให้เธอกลายเป็นนายตัวเอง คุณเองก็เหมือนกัน ถ้าคุณอยากเป็นนายตัวเอง วิธีที่ง่ายที่สุด เร็วที่สุด ก็คือเอาอาชีพของคุณที่คุณทำอยู่แล้วเอามาเป็นเครื่องมือหาเงินจากการเป็นนายตัวเองซะ อย่าเสียเวลาไปหาสิ่งที่คุณไม่มีและต้องใช้เวลาสร้างใหม่อีกนาน

ค้นหาคนที่มีชีวิตแบบที่คุณอยากมี
สิ่งๆหนึ่งที่คนส่วนใหญ่พลาดคือการมองหาไอดอลที่ยิ่งใหญ่แล้ว ประสบความสำเร็จที่ทำให้คุณรู้สึกว่าคุณเอื้อมไม่ถึงมาเป็นไอดอลอย่างเดียว เคล็ดลับอย่างหนึ่งของผมคือ ให้คุณค้นหาไอดอลจากคนธรรมดาที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมากมาย แต่เขามีชีวิตในแบบที่คุณอยากได้ จากนั้นถามเขาว่าเขาทำได้อย่างไร และช่วยให้เขาได้คำแนะนำคุณได้หรือเปล่า อย่าดูถูกคำถามประเภทนี้นะครับ คำถามแบบนี้เปลี่ยนชีวิตคนมามากแล้ว การถามไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด คนที่ไม่กล้าแม้แต่จะโชว์ความไม่รู้ตัวเอง ไม่กล้าถาม ห่วงหน้าตามากกว่าอนาคต อันนี้ตามสบายครับ คนส่วนใหญ่จะมองอะไรที่ไกลตัว ชอบทำในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ว่าจะทำยัง ถึงจะประสบความสำเร็จ หลายคนแค่คิดก็ไม่อยากจะทำหรือเริ่มต้นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเสียที เฝ้าแต่ฝันซึ่งมันไม่มีวันเป็นจริง

เลิกลีลาเถอะครับ อยากรู้ว่าจะรอดหรือไม่รอด ลุยเลย…???
มีหลายคนบอกว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จนั้นจะต้องเรียนรู้จากการล้มเหลว ปัญหาคือรคนส่วนใหญ่เชื่อว่าความล้มเหลวคือสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ความเป็นจริงก็คือความล้มเหลวที่คนอื่นพูดถึงนั้น แทบไม่เกี่ยวอะไรกับสิ่งที่คุณทำเลย ใครจะไปรู้ว่าธุรกิจแรกของคุณอาจจะประสบความสำเร็จก็ได้ ปัญหาคือคุณจะต้องลอง ลอง ลองจนกว่าคุณจะมั่นใจ คนส่วนใหญ่ไม่ยอมลองเขาลุยเลย แต่ผมแนะนำว่าคุณควรจะต้องลองจนกว่าคุณจะมั่นใจ ความมั่นใจไม่ได้เกิดจากการคิดเองเออเอง แต่ความมั่นใจต้องเกิดจากการเรียนรู้ คุณจะเรียนรู้ได้อย่างไรถ้าคุณไม่ลงมือลองทำ ขอยกตัวอย่างลูกค้าผมท่านหนึ่ง เขาเป็นนักบัญชี เขาอยากเป็นนายตัวเองมาก พอไพ่เสนอให้เขาลองทำบัญชีแบบ Freelance คำแรกของเขาคือทำไม่ได้หรอก คู่แข่งเยอะจะตาย ผมแนะนำให้เธอลุยแต่เธอดูเหมือนไม่มั่นใจในตัวเอง และความไม่มั่นใจในตัวเองของเธอนั่นเองที่เป็นอุปสรรคต่อการเป็นนายตัวเองเธออย่างแรง ทั้งๆที่เธอจัดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญบัญชีระดับพระกาฬ น่าเสียดายที่เธอไม่ยอมลุย ประเด็นที่ผมต้องการจะสื่อคือ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณจะทำได้หรือไม่ได้ถ้าคุณไม่ลองทำ หมอดูอาจจะช่วยให้ความมั่นใจคุณแต่มันก็แค่ของชั่วคราว สุดท้ายคุณต้องลงตลาดเองอยู่ดี ดังนั้นถ้างานสามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้โดยไม่ต้องใช้เงินแล้วคุณกำลังหาวิธีการเป็นนายตัวเอง ผมขอแนะนำให้อย่าลีลา ลุยเลย ถ้ามันยังไม่ดีอย่างที่คิด เราจะได้เรียนรู้ปัญหาก่อนที่จะได้เจอปัญหายามไม่มีเงินเดือนจริงๆ

คุณใช้งานประจำแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าหรือเปล่า
นักธุรกิจท่านหนึ่งบอกกับผมผ่าน Youtube ว่า “ธุรกิจคือการแก้ไขปัญหา” ผมเคยเห็นนะครับ พนักงานประจำที่ใช้งานประจำเหวี่ยงใส่ลูกค้า เอะอะไม่พอใจอะไรเวลาลูกค้ามีปัญหาก็ชักสีหน้าใส่ หงุดหงิด พูดจาห้วนๆ บางคนหนักเลย กวนตรีนลูกค้ากลับด้วย เวลาลูกค้าเดือดร้อนจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทคุณแล้วเฉย ถ้าคุณทำงานในสถานที่ที่อุดมด้วยคนแบบนี้นะครับ ผมแนะนำให้เปลี่ยนงานโดยด่วน งานประเภทนี้ไม่มีอนาคตสำหรับคนที่อยากเป็นนายตัวเอง เพราะถ้าคุณเอาอกเอาใจลูกค้า ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ คุณจะถูกเพ่งเล็งจากคนอื่นที่ทำไม่เท่าคุณทันที แล้วคุณจะเลิกนิสัยนี้ไปเลยทั้งๆที่นิสัยนี้คือความสำเร็จของการเป็นนายตัวเองแท้ๆ ดังนั้นถ้าวันนี้งานประจำของคุณต้องเกี่ยวข้องกับลูกค้าโดยตรง ขอให้เอาอกเอาใจ คิดหาวิธีแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าคุณตลอดเวลา แต่ถ้างานของคุณไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูกค้าอะไรเลย ขอให้พยายามฝึกแก้ปัญหาให้คนอื่นผ่าน internet อย่าง Pantip แทน เพื่อที่จะทำให้คุณปลูกฝังนิสัยการแก้ปัญหา ปลูกฝังหัวใจของการทำธุรกิจ

ทำเงินเดือนให้เหลือได้หรือยัง
กับดักของคนเงินเดือนแพงๆคือการเชื่อว่าตัวเองมีศักยภาพที่จะสามารถใช้ชีวิตแบบแบกภาระได้เยอะขึ้น ผมนั่งสังเกตุคนมาเยอะมาก ยิ่งเงินเดือนเยอะเท่าไหร่ ยิ่งบริหารเงินได้ห่วยติดลบเท่านั้น ความคิดที่ว่าเงินเดือนเยอะๆคือรวยกว่าเป็นสิ่งไม่จริง คนเงินเดือนเยอะก็มักจะสร้างภาระให้ตัวเองเยอะด้วย บางคนเงินเดือนสามหมื่นกว่า แต่ดันซื้อรถคันเหยียดล้าน บางคนเงินเดือน 6 หลักแต่ไม่มีเงินเก็บเพราะเอาไปผ่อนนู่นผ่อนนี่ สุดท้ายกว่าจะผ่อนหมดก็หมดแรงพอดี บางคนสร้างหนี้หลายๆแสนทั้งๆที่เงินเดือนยังไม่ถึงสามหมื่น อย่างนี้หมดโอกาสเป็นนายตัวเองแน่นอน ยกเว้นหนี้ท่วมหัวแล้วต้องหักดิบหาเงินมาใช้ก่อนถูกฟ้อง ถ้าคุณอยากเป็นนายตัวเองในเร็ววัน การบ้านเรื่องเงินสำคัญที่สุด เพราะการเป็นนายตัวเองนั้นรายได้ไม่แน่นอนไม่เหมือนมนุษย์เงินเดือน คุณจะต้องบริหารเงินของคุณให้ดี ถ้าวันนี้คุณยังทำรายได้ที่แน่นอนของคุณให้เหลือไม่ได้ อย่าฝันว่าจะเป็นนายตัวเองได้นาน สุดท้ายก็ต้องวิ่งเเจ้นกลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนเดิม ดังนั้นคุณจำเป็นที่จะต้องฝึกสร้างสภาพคล่องให้ตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ วิธีการง่ายที่สุดคือให้ใช้เงินเดือนตัวเองต่ำกว่าความเป็นจริง อาทิเช่นเงินเดือน 17,000 บาท ให้ใข้แค่ 15,000 บาท เงินเดือน 30,000 บาท ให้ใช้แค่ 25,000 บาทเป็นต้น เงินส่วนที่เหลือที่ไม่ได้ใช้ให้เอาไปเป็นกองทุนประกันชีวิตตกต่ำยามเป็นนายตัวเอง การประหยัดในช่วงการเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่ได้หมายถึงการลดคุณภาพชีวิต แต่การประหยัดในการเป็นมนุษย์เงินเดือนคือการเตรียมตัวในการใช้ชีวิตแบบรับผิดชอบความเสี่ยงเต็มที่ เตรียมตัวสู่การแปลงร่างเป็นนายตัวเอง

สมัยก่อนงานเสริมคือทางเลือก สมัยนี้งานเสริมคือทางรอด
ญาติของผมทำงานกินเงินเดือนมาทั้งชีวิต จนกระทั่งเขาตกงานในวัยเกือบๆ 50 กว่าๆ แต่โชคดีของเขาคือระหว่างที่เขาทำงานประจำนั้น เขาสร้างอาชีพเสริมให้ตัวเองด้วยการเลี้ยงฟาร์มแมวไปด้วย ด้วยความที่ทำแบบคนไม่ร้อนเงินในสมัยมีงานทำ ญาติของผมจึงเน้นให้ข้อมูลลูกค้ามากกว่าการขายแมวให้ลูกค้าเสียอีก ในไม่ช้าญาติของผมกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านแมวให้ตัวเอง และกลายเป็นคนที่ตกงานบนฟูกเพราะมีอาชีพที่สองรองรับการตกงานของตัวเองอยู่แล้ว พออ่านตรงนี้พอจะเห็นภาพไหมครับ การทำอาชีพเสริมหรือการหารายได้ทางที่สองคือหลักประกันชีวิตการทำงานเดียวที่คุณจะสามารถสร้างเอาไว้เพื่อรองรับวันที่คุณตกต่ำ ดังนั้นวิธีการที่เร็วที่สุดในการที่คุณจะสร้างแบรนด์ให้ตัวเองคือการเริ่มทำอาชีพเสริมก่อนที่อาชีพหลักของคุณจะหมดอายุลง ลองจินตนาการดูนะครับว่าถ้าคุณทำธุรกิจด้วยเหตุผลว่ามันเป็นเชือกเส้นเดียวที่คุณมีจะเกิดอะไรขึ้น คุณคงทำธุรกิจด้วยความกดดัน เครียด และพยายามจะขายแหลกลาน แต่ถ้าคุณทำงานประจำไปด้วยแล้วทำธุรกิจไปด้วย ผมมั่นใจ 100% ว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะสบายใจที่จะคุยและปรึกษากับคุณมากกว่าเพราะคุณไม่ได้คาดคั้นจะเอาเงินจากเขาเพียงอย่างเดียว แต่คุณทำเพราะมันเป็นทางเลือกนั่นเอง

สร้าง Connection ระหว่างงานประจำให้ดี
ตอนที่ผมทำงานเป็น Graphic Design ผมมีความแตกต่างอย่างหนึ่งกับ Design คนอื่นๆคือผมชอบคุยกับลูกค้ามาก เพราะผมเชื่อมั่นว่าไอเดียที่ดีที่สุดในการออกแบบงานดีไซน์คือเราต้องคุยกับเขา ค้นหาเป้าหมายของเขา ถามในสิ่งที่เขาอยากได้ และทำในสิ่งที่เขาต้องการ การสั่งสมนิสัยแบบนั้นทำให้ผมได้สร้าง Connection ไปในตัว และแน่นอน ในวันที่ผมตกงาน ผมสามารถหางานได้จากการโทรไปแนะนำตัวกับลูกค้าเก่าๆของผมที่ผมเคยทำงานให้ตอนกินเงินเดือน ทีนี้สมมุติว่าคุณทำงานที่มันไม่เอื้อในการสร้าง Connection ซักเท่าไหร่ และคุณสงสัยว่าคุณจะเริ่มสร้าง Connection ยังไง ผมขอแนะนำให้ใช้ Social ให้เป็นประโยชน์ครับ ก่อนอื่นคือลองถามตัวเองว่าเพื่อนๆของคุณรู้หรือเปล่าว่าคุณทำงานอะไร ถ้าเพื่อนๆของคุณไม่รู้ คุณลองบอกเพื่อนๆของคุณว่าคุณทำอะไร และเคยสร้างความสำเร็จให้องค์กรอย่างไรได้บ้าง บางทีความสามารถของคุณอาจจะเป็นสิ่งที่เพื่อนๆของคุณกำลังมองหาก็ได้ ถ้าเพื่อนๆคุณไม่มีใครต้องการจ้างคุณ ก็ลองแนะนำตัวเองในโลกออนไลน์ว่าคุณสามารถทำอะไรได้ และคุณสามารถทำอะไรให้คนอื่นได้บ้าง หรืออย่างง่ายๆที่สุดก็คือลองหาอะไรมาขายก็ยังได้ วิธีการทำเงินในโลกที่ไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนมีตั้งมากมาย มองยังไงก็เห็นแต่โอกาสมากกว่า

ขายอะไร ไม่เท่าขายตัวเอง
การขายตัวเองเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในการเป็นนายตัวเอง ในโลกออนไลน์นั้นการขายตัวเองได้มีความหมายมากกว่าการขายสินค้าได้ เพราะการขายตัวเองคือการเปิดโอกาสให้คนอื่นได้เรียนรู้สินค้าหรือบริการของเรา ดังนั้นคุณจำเป็นที่จะต้องดูแลให้ดูดีในสไตล์คุณ พรีเซ้นท์ความเป็นคุณ งัดความสามารถที่คุณจะขายออกมาให้โลกดู ไม่ใช่เรื่องผิดถ้าคุณจะโชว์ความสามารถของคุณในการทำให้ชีวิตคนอื่นง่ายขึ้นแลกเงิน ลองจินตนาการดูว่าถ้าผมเล่นไพ่ Tarot เป็น แต่ผมเลือกที่จะไม่ขายตัวเอง ไม่ขายความสามารถของผม ผมกับคุณจะได้รู้จักกันหรือเปล่า ไม่ว่าคุณจะเคยดูไพ่กับผมหรือไม่เคย ตอนนี้เท่ากับคุณรู้จักกับผมแล้ว การเป็นนายตัวเองก็ต้องใช้วิธีแบบนี้ คือคุณจะต้องทำตัวเองให้รู้จักให้ได้มากที่สุด นักธุรกิจระดับร้อยล้านคนหนึ่งบอกกับผมว่าเมื่อสิบปีที่แล้ว ธุรกิจเกิดใหม่นั้นโอกาสประสบความสำเร็จยากมาก ผิดกับสมัยนี้ที่อินเตอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยสี่ ใครทำธุรกิจในยุคนี้โชคดีเพราะมีสิทธิ์รวยข้ามคืน ดังนั้นความสำเร็จในการเป็นนายตัวเองคือยิ่งคนรู้จักคุณมากเท่าไหร่ ยิ่งครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่คุณอยากจะขายตัวเองและขายสินค้าของคุณมากเท่าไหร่ โอกาสเป็นนายตัวเองที่ร่ำรวยก็มีมากเท่านั้น แม่ค้าขายของในตลาดนัดยังต้องตะโกนให้ลูกค้าหันมาสนใจ ประสาอะไรกับการเป็นนายตัวเองที่จะไม่กลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือน ดังนั้นถ้าคุณอยากเป็นนายตัวเอง แต่คุณเป็นพวกประเภทขาดความมั่นใจในตัวเอง เสียงเบา ไม่กล้าประกาศให้โลกรู้ว่าคุณมีความสามารถอะไร เลิกฝันได้เลยครับ คุณไม่เกิดในโลกการเป็นนายตัวเองอย่างแน่นอน จำไว้คนเราไม่ได้ซื้อเพราะสินค้าเป็นอย่างไร เขาซื้อเพราะสินค้าชิ้นนี้หมายถึงใครต่างหาก ขายตัวเองได้ สินค้าหรือบริการของคุณก็ขายได้

อย่าคิดเอาชนะความกลัว เสียเวลา…!!!
สุดท้ายที่ผมอยากจะบอกคือไม่ว่าคุณอยากจะเป็นนายตัวเองมากน้อยขนาดไหนก็ตาม คุณจะต้องเจอความกลัวอย่างแน่นอน ความกลัวจะคอยออกเสียงห้ามไม่ให้คุณสามารถออกมาจาก Comfort Zone ประเด็นคือคนส่วนใหญ่พยายามเอาชนะความกลัวให้ได้ก่อนแล้วค่อยลงมือทำ แต่ผมกล้าการันตีว่าความกลัวเป็นสิ่งที่มนุษย์แทบไม่มีวันชนะได้ โลกเราสร้างความกลัวใหม่ๆให้มนุษย์ขี้ขลาดได้เสมอ ผมถามลูกค้าของผมหลายคนที่มีธุรกิจของตัวเองว่าไม่กลัวเหรอ คำตอบของคนส่วนใหญ่คือ “กลัว แต่อยากทำ” พอจะเดาได้ไหมครับ ว่าคนเหล่านี้เขาเอาชนะความกลัวด้วยวิธีอะไร ไม่เลย เขาทำทั้งๆที่กลัว ผมจึงขอสรุปว่ามันจะเป็นการเสียเวลาสุดๆถ้าคุณจะพยายามหาวิธีเอาชนะความกลัวเพื่อทำตัวเองให้ได้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ ถ้ามัวแต่หาวิธีเอาชนะความกลัวก่อนแล้วค่อยเริ่มทำ ก็ต้องหาวิธีเอาชนะความกลัวชั่วชีวิต ซึ่งอาจจะหาไม่เจอเพราะธรรมชาติสร้างมนุษย์ให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ขี้กลัวอยู่ใน DNA อยู่แล้ว คุณจะเอาชนะสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเองอย่างธรรมชาติได้ยังไง วิธีเดียวที่คุณจะเป็นนายตัวเองทั้งๆที่ความกลัวยังเต็มหัวคือ ทำทั้งๆที่กลัวนั่นเเหละ…!!!  อย่าลืมว่าทุกคนมีความกลัว อย่าให้ความกลัวมันมาอยู่เหนือคุณอย่างถาวรได้แล้วกัน เพราะถ้าความกลัวอยู่เหนือคุณได้สำเร็จ อีก 5 ปีข้างหน้าคุณจะได้ยินตัวเองพูดคำว่า “ถ้ารู้อย่างนี้นะ”

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น